banner

เกาะฮะชิมะมีอีกชื่อหนึ่งคือเกาะกุงกันจิมะ

        เมืองหลอนอันโด่งดังของประเทศญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่นมีลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นเกาะที่แยกตัวออกมาจากแผ่นดินใหญ่ซึ่งประกอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยมากกว่า 6800 เกาะเพียงแค่ 4 เกาะ เท่านั้นที่ถือได้ว่าเป็นเกาะหลักเนื่องจากทั้ง 4 เกาะนี้มีจำนวนผู้คนอาศัยอยู่มากที่สุด แต่ประเทศญี่ปุ่นก็ยังมีเกาะร้างที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่อีกมากกว่า 500 เกาะและหนึ่งในนั้นก็เป็นเกาะร้างที่มีเรื่องเล่าถึงความลี้ลับความน่ากลัวเกี่ยวกับอาถรรพ์ราวกับว่าที่นี่เป็นเกาะต้องคำสาปแห่งท้องทะเลที่มันยังคงเป็นเกาะร้างมาจนถึงปัจจุบันซึ่งก่อนแห่งนี้มีชื่อว่าเกาะฮาชิมะ

        เกาะฮาชิมะอยู่ห่างจากเมืองนางาซากิออกไปประมาณ 15 กิโลเมตรและด้วยรูปร่างที่คล้ายกับเรือรบนั่นจึงทำให้เกาะแห่งนี้ได้ถูกขนานนามว่าเกาะเรือรบ ในอดีตเกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยถ่านหินจะได้มีการเริ่มทำเหมืองถ่านหินกันอย่างจริงจังในปี ค.ศ 1887 ก่อนที่บริษัทมิตซูบิชิบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นจะซื้อที่นี่ไปเนื่องจากทางบริษัทเห็นแววว่าเกาะแห่งนี้น่าจะสร้างผลตอบแทนกลับมาได้อย่างมหาศาล  Mitsubishi ต้องการจะใช้พื้นที่ในเกาะแห่งนี้พัฒนาให้เป็นอาณาจักรเหมืองถ่านหินที่ขุดจากทะเลเพื่อรองรับความต้องการถ่านหินในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่นในยุคสมัยนั้น ซึ่งนั่นก็ทำให้ต่อมาจึงได้มีการอพยพแรงงานและครอบครัวของผู้คนเป็นจำนวนมากเข้ามาตั้งถิ่นฐานจนเต็มพื้นที่ของเกาะแห่งนี้ และในปี 1916 งานโครงสร้างคอนกรีตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาที่เกาะฮาชิมะแห่งนี้เพื่อช่วยปกป้องทุกคนที่เข้ามาอยู่อาศัยบนเกาะจากพายุไต้ฝุ่นและคลื่นลมทะเล แล้วต่อมาในปี 1959 เกาะแห่งนี้ก็ได้ทำสถิติการมีประชากรเข้ามาอยู่อาศัยมากถึง 1391 คนต่อพื้นที่ 10000 ตารางเมตรซึ่งเป็นตัวเลขของความหนาแน่นจากจำนวนประชากรต่อขนาดพื้นที่อยู่อาศัยที่มีความหนาแน่นที่สุดเท่าที่เคยได้รับการบันทึกไว้ในโลก​

        เพื่อเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของผู้คนบนเกาะนี้จึงได้มีการสร้าง โรงเรียน โรงแรม โรงพยาบาล ร้านอาหาร รวมไปถึงผับบาร์และร้านเหล้าอยู่ภายในกล่องด้วยเปิดแล้วเกาะฮาชิมะก็กลายเป็นเกาะที่ต้องเผชิญหน้ากับสภาวะแห่งความยากลำบากจนถึงขีดสุดในช่วงยุคของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในครั้งนั้นมีเยาวชนญี่ปุ่นจำนวนมากต้องถูกเกณฑ์ไปยังสนามรบและสิ่งหนึ่งที่น่าเศร้าใจคือมีผู้คนจำนวนมากจะต้องอดทนต่อสภาพกดอย่างเนื่องจากเกิดการขาดแคลนอาหารจนถึงขนาดมีผู้คนเสียชีวิต 

        ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากนั้นบางคนก็มีอาการเจ็บป่วยและเหนื่อยล้าจากการถูกใช้แรงงานอย่างหนักจนหมดสิ้นเรี่ยวแรงและมีบางคนที่ทนไม่ไหวก็จะตัดสินใจกระโดดลงทะเลฆ่าตัวตายเพื่อที่จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากนรกบนดินแห่งนี้ นอกจากที่นี่จะเป็นเหมืองแล้วบนเกาะแห่งนี้ยังเป็นเหมือนสถานที่คุมขังนักโทษด้วยเนื่องจากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์คนงานอันได้แก่ชาวจีนและเกาหลีใต้ที่เป็นเชลยสงคราม พวกเขาถูกพาตัวให้มาทำงานอย่างหนักในเหมืองถ่านหินความทารุณที่แรงงานเชลยศึกได้รับนั้นทำให้ในสายตาของชาวจีนและเกาหลีใต้มองว่าเกาะฮาชิมะนั้นเป็นสถานที่แห่งฝันร้ายมาจนถึงปัจจุบัน

        เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ของเกาะฮาชิมะคือการนำถ่านหินของเกาะฮาชิมะมาใช้ล้อมเป็นเครื่องมือและทำเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเรือรบและปืนใหญ่เพื่อเป็นการกู้คืนความรู้สึกของความอัปยศที่ได้เกิดจากความพ่ายแพ้ในสงครามทำให้ในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาทองแห่งความมั่งคั่งและความเจริญเติบโตต่อมาในปี 2517 บริษัทมิตซูบิชิได้ประกาศปิดเมืองบนเกาะฮาชิมะเนื่องจากพลังงานถ่านหินนั้นเริ่มไม่เป็นที่ต้องการของประเทศญี่ปุ่นอีกต่อไปเนื่องจากหันไปให้ความสำคัญกับพลังงานน

        หลังการปิดเหมืองทำให้แรงงานทั้งหมดจึงจำเป็นต้องอพยพออกจากพื้นที่และปล่อยให้เกาะแห่งนี้กลายเป็นเกาะร้าง ในช่วงเวลานั้นพื้นที่บนเกาะไม่มีแม้กระทั่งต้นไม้หรือดอกไม้สวยๆให้เห็นจะคงเหลือก็แต่เพียงต้นไม้ต้นหญ้าในสภาพรกร้าง อาคารสูงที่เคยตั้งสูงสง่ากลายสภาพเป็นเพียงแค่ตึกเก่าๆที่ผุกร่อนและแตกร้าว สนามเทนนิสที่ไร้ซึ่งตาข่ายและผู้คนทุกพื้นที่หรือว่าจะหันไปทางไหนก็กลายเป็นป่าคอนกรีตลบร้างที่ยึดเกาะไปด้วยไม้ล้มลุกขนาดเล็กเท่านั้น

        หลายปีก่อนทำการของญี่ปุ่นพยายามที่จะผลักดันให้เกาะฮาชิมะเป็นมรดกโลกโดยยื่นเรื่องไปยังองค์การยูเนสโก แต่กลับถูกทางการเกาหลีใต้คัดค้าน เพราะพวกเขาได้มองว่าเกาะฮาชิมะคือบาดแผลของสงครามที่ยังคงหลงเหลืออยู่จนถึงปัจจุบันซึ่งนั่นก็ทำให้ชาวเกาหลีใต้และชาวจีนจำนวนมากต้องรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่มีการกล่าวถึงเกาะนี้แล้วจะยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าเกาะฮาชิมะสมควรที่จะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

อ้างอิง