จากเรื่องราวที่เกาะฮาชิมะเกี่ยวกับการใช้แรงงานทาส เชลยศึกและข่าวการใช้แรงงานในปัจจุบันทำให้เห็นว่ายังมีการใช้แรงงานอย่างหนัก เยี่ยงทาสอยู่ โดยการบังคับขมขู่ให้ทำงาน และไม่ได้รับค่าตอบแทน ซึ่งผิดต่อ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ดังต่อไปนี้
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
คำปรารภ
โดยที่การยอมรับนับถือเกียรติ์ศักดิ์ประจำตัว และสิทธิเท่าเทียมกันและโอนมิได้ของบรรดาสมาชิกทั้ง
หลายแห่งครอบครัวมนุษย์เป็นหลักมูลเหตุ แห่งอิสรภาพ และความยุติธรรม และสันติภาพในโลก
โดยไม่นำพาและเหยียดหยามต่อมนุษยชน ยังผลให้มีการกระทำอย่างป่าเถื่อน ซึ่งเป็นการละเมิดมโนธรรมของมนุษยชาติอย่างร้ายแรง และได้มีการประกาศว่า ปฏิญญาสูงสุดของสามัญชนได้แก่ความต้องการให้มนุษย์มีชีวิตอยู่ในโลกด้วยอิสรภาพ ในการพูดและความเชื่อถือและอิสรภาพพ้นจากความหวาดกลัวและความต้องการ
โดยที่เป็นความจำเป็นอย่างที่สิทธิมนุษยชนควรได้รับความคุ้มครองโดยหลักบังคับของกฎหมาย ถ้าไม่ประสงค์จะให้คนตกอยู่ในบังคับให้หันเข้าหาขบถขัดขืนต่อทรราชและการกดขี่เป็นวิถีทางสุดท้าย
โดยที่เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะส่งเสริมวิวัฒนาการแห่ง สัมพันธ์ไมตรีระหว่างนานาชาติ
โดยที่ประชาชนแห่งสหประชาชาติได้ยืนยันไว้ในกฎบัตรถึงความเชื่อมั่นในสิทธิมนุษยชนอันเป็นหลักมูล ในเกียรติศักดิ์และคุณค่าของมนุษย์และสิทธิในความเท่าเทียมกันของบรรดาชายและหญิง
โดยที่รัฐสมาชิกต่างปฏิญาณจะให้บรรลุถึงซึ่งการส่งเสริมการเคารพและปฏิบัติตามทั่วสากลต่อสิทธิมนุษยชนและอิสรภาพหลักมูล โดยร่วมมือกับสหประชาชาติ
โดยที่ความเข้าใจร่วมกันในสิทธิ และอิสรภาพเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เพื่อให้ปฏิญญานี้สำเร็จผลเต็มบริบูรณ์
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อที่ 3
คนทุกคนมีสิทธิในการดำรงชีวิตเสรีภาพ และ ความมั่นคงแห่งตัวตน
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อที่ 4
บุคคลใด ๆ จะถูกยึดเป็นทาส หรือต้องภาระความจำยอมไม่ได้ ความเป็นทาส และการค้าทาส เป็นห้ามขาดทุกรูป
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อที่ 5
บุคคลใด ๆ จะถูกทรมาน หรือได้รับผลปฏิบัติ หรือการลงโทษที่โหดร้ายผิดมนุษยธรรมหรือต่ำช้าไม่ได้




